วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ทำดี...เท่าที่จะมีกำลังทำได้

หากจะพูดถึงการทำความดีเพื่อตอบแทนให้แก่แผ่นดินนั้น หลายต่อหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คนๆหนึ่งจะสามารถทำได้ แต่แท้ที่จริงแล้ว.. การทำความดีเพื่อเป็นการตอบแทนแผ่นดินเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนสามรถที่ทำได้ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ทำอาชีพอะไร คุณก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการทำความดีเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินได้เช่นกัน...

วันนี้ผู้จัดทำ Blog ขออนุญาตหยิบยกตัวอย่างเรื่องราวดีๆจากบทความของคุณ "คุณวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด" ในหัวข้อ "ทำดี... เท่าที่จะมีกำลังทำได้"



“ปลูกฝังเรื่องการทำดีง่ายๆ อย่าไปหวังว่าจะเกิดผลตอบแทน แค่คิดว่าทำดีซะก็สบายใจ แม้จะไม่มีใครรู้ แต่เรารู้ และถ้าเราหมั่นทำเรื่อยๆ ในที่สุดคนอื่นก็จะรู้...”

หลายคนตั้งใจที่จะทำความดี แต่ก็มีคำถามผุดขึ้นอยู่ตลอดเวลาว่าจะเริ่มต้นได้อย่างไร แล้วความดีที่จะทำมีคุณค่าแค่ไหน แท้จริงแล้ว “ความดี หรือ การเป็นคนดี” เริ่มต้นและทำยากขนาดนั้นเชียวหรือ ?!?

คนอื่นอาจกำลังเกิดความสับสน แต่คงไม่ใช่กับคนทำงานอย่าง คุณวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่การันตีว่าความดีทำได้ไม่ยาก และไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงเลยหากคนดีจะคิด “ตอบแทนคุณแผ่นดิน” ด้วยการเริ่มต้นทำความดีเสียตั้งแต่วันนี้

“ผมคิดว่าเป็นหน้าที่ของเรานะ ไม่ว่าจะเกิดมาเป็นใครก็ตาม อย่างน้อยๆ เราก็ได้เกิดมา ถ้ามีโอกาสก็ควรทำความดี เพื่อได้ชื่อว่าเกิดมาแล้วได้มีโอกาสตอบแทนสังคมและแผ่นดิน เป็นเรื่องสามัญสำนึก เป็นเรื่องปกติที่ควรจะทำ” บอสใหญ่ค่ายโตโยต้า สะท้อนมุมมอง

โดยความดีในมุมมองของเขามีคำจำกัดความที่อธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ เพียงเริ่มต้นที่การมีเจตนาดี เจตนาบริสุทธิ์ มุ่งหวังที่จะทำให้เกิดผลของความดี จะทำอะไรก็ต้องทำให้ดี และเกิดผลดี

หลังจากนั้น สิ่งที่เป็นความดีหรือผลงานของการทำดีก็น่าที่จะเป็นการกระตุ้นหรือเป็นแบบอย่าง และเป็นกำลังใจให้คนอื่นๆ ลุกขึ้นมาทำความดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นแบบอย่างให้ทุกคนในสังคม ไม่ว่าเด็กหรือเยาวชน เพื่อให้คนเหล่านั้นได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ และมุ่งหวังให้เป็นคนดีในสังคมเช่นเดียวกัน

“ผมว่าไม่ยาก ทำเท่าที่เราทำได้ เท่าที่จะมีกำลังทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เราอยู่ตรงไหนก็ทำตรงนั้นได้”


และสำหรับบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แม้จะเป็นองค์กรต่างชาติ แต่ก็ได้อาศัยผืนแผ่นดินไทยในการก่อร่างสร้างตัว ดำเนินธุรกิจเติบโตอยู่บนพื้นฐานของความสุจริต และเมื่อมีโอกาสก็จะแบ่งปันสังคม โดยถือเป็นการตอบแทนคุณแผ่นดินที่ได้พำนักอาศัย

“การตอบแทนสังคมเป็นสิ่งที่เรามีอยู่ในนโยบายการทำธุรกิจมานานแล้ว เป็นปณิธานของเราว่าต้องร่วมกันพัฒนาให้เกิดความเจริญก้าวหน้าของสังคม ชุมชน ประเทศ ในทุกๆ ที่ที่เราไปทำธุรกิจ นั่นคือปรัชญาที่ว่า คนดีต้องได้รับผลตอบแทน”

ทั้งนี้ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทยานยนต์ยักษ์ใหญ่เห็นด้วยว่าการทำดีนั้นไม่ต้องหวังอะไรก็ได้ เพราะความดีเป็นสัจธรรม ที่จะเป็นจริงตลอดไป และหากมีความเชื่อเช่นนี้ทุกคนที่ตั้งใจจะทำความดีก็จะมีแรงบันดาลใจที่จะทำความดีอยู่ตลอดเวลา

เขาจึงอยากเชิญชวนว่า เมื่อโอกาสในการทำความดียังเปิดกว้างสำหรับทุกๆคน ไม่ว่าเราจะเป็นใคร อยู่ในสถานภาพใด ขอให้เริ่มจากการคิดดี มุ่งให้เกิดผลดีแล้วลงมือทำดี หรืออย่างน้อยถ้าเห็นคนอื่นทำดีก็ให้การชื่นชม ยกย่อง สนับสนุน หากทำได้อย่างนี้ก็จะส่งผลให้มีสังคมที่ดี

“ปลูกฝังเรื่องการทำดีง่ายๆ อย่าไปหวังว่าจะเกิดผลตอบแทน แค่คิดว่าทำดีซะก็สบายใจ แม้จะไม่มีใครรู้ แต่เรารู้ และถ้าเราหมั่นทำเรื่อยๆ ในที่สุดคนอื่นก็จะรู้ ส่วนตัวผมใช้ชีวิตตามแบบแผนนี้เรื่อยมา เพราะผมเชื่อว่าทำดีได้ดี ก็เลยคิดว่าไม่ว่าโอกาสไหน ในชีวิตส่วนตัวหรือทำงานในองค์กร ส่วนตัวผมนับถือศาสนาคริสต์คาทอลิก ซึ่งมีเรื่องของแบบบุญสอนไว้อยู่แล้ว ดังนั้น หลักของศาสนาก็สอนเราไปในตัว”

มาถึงตรงนี้ เขาย้ำทิ้งท้ายว่า ถ้าทุกคนเป็นคนดีจะมีใครเห็นหรือไม่ก็ตาม แผ่นดินก็จะเกิดความสงบสุข และคงไม่มีปัญหาวุ่นวายอย่างทุกวันนี้

...........................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น